7 อาการบาดเจ็บยอดฮิตจากการวิ่ง พร้อมวิธีป้องกัน–แก้ไข
การวิ่งก็เหมือนการออกกำลังกายประเภทอื่นๆ นั่นคือมันก็ต้องมีพลาด มีบาดเจ็บกันบ้าง บางทีไม่คิดว่าจะเป็นมันก็เป็นได้ แต่ทีนี้ในเมื่อบาดเจ็บไปแล้ว เราจะมีวิธีแก้ไขหรือป้องกันยังไง? เพื่อไม่ให้บาดเจ็บซ้ำอีก ความจริงแล้วการบาดเจ็บจากการวิ่งนั้น มักเกิดมาจากปัจจัยใกล้ตัวเรา และหลายปัจจัยก็เป็นสิ่งที่เราทำไปโดยไม่รู้ตัวเสียด้วย
วันนี้เราจึงรวบรวมอาการบาดเจ็บที่พบได้บ่อยที่สุดจากการวิ่ง พร้อมวิธีป้องกัน-แก้ไข ไปดูกันเลย
1. เจ็บเข่าด้านนอก
สาเหตุหลักๆเกิดจากการที่กล้ามเนื้อต้นขาและสะโพกยังไม่ค่อยแข็งแรง เมื่อเร่งความเร็วในการวิ่งมากๆแล้วจึงทำให้รู้สึกเจ็บ อารมณ์เหมือนกับเครื่องจักรที่สเปคไม่ค่อยดี แต่เราไปใช้งานมันหนักนั่นเอง ดังนั้นวิธีแก้ง่ายๆคือ ต้องหมั่นฝึกกำลังต้นขา เช่น วิ่งขึ้นลงทางชัน หรือบันได ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ และถ้าหากเพิ่งเริ่มวิ่งใหม่ๆ ยังไม่ควรวิ่งเร็วมาก ให้เริ่มจากช้าๆก่อน แล้วพอรู้สึกว่าแข็งแรงขึ้นจึงค่อยเพิ่มความเร็ว
2. เอ็นร้อยหวายอักเสบ
ใครที่ชอบวิ่งแบบออกแรงเกินตัว วิ่งกระแทกขาแรงๆ มีเปอร์เซ็นต์ที่เอ็นร้อยหวายจะอักเสบสูงมาก เมื่ออักเสบแล้ว เอ็นร้อยหวายจะบวม เวลาเดินแล้วจะเจ็บ ซึ่งถ้าหากเป็นไม่มาก อาจปรึกษาเภสัชเพื่อขอซื้อยาและผ้าพันข้อมารักษาด้วยตัวเองได้ แต่หากเป็นมากและไม่หายซักที ควรรีบไปพบแพทย์ ส่วนวิธีแก้ คือให้นำน้ำแข็งหรือเจลเย็นมาประคบ และเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นอีกในครั้งต่อไป ต้องหมั่นฝึกฝนกำลังขาสม่ำเสมอ และอย่าลืมวอร์มร่างกายก่อนลงวิ่งด้วย
3. รองช้ำ
รองช้ำคือการปวดบริเวณฝ่าเท้า พังผืดเท้า สาเหตุจะมาจากการที่เท้าได้รับแรงกระแทกมากเกินไป หรือน้ำหนักตัวที่มากเกินไป วิธีแก้ปัญหาคืออย่าเพิ่งวิ่งเร็วและแรงมาก ให้หมั่นวิ่งบ่อยๆพร้อมควบคุมอาหาร เพื่อให้น้ำหนักลง และต้องฝึกความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อขาอยู่เสมอด้วย
4. เจ็บต้นขาด้านหลัง
มักจะเป็นการเจ็บแบบฉับพลัน สาเหตุคือไม่วอร์มร่างกายก่อนวิ่ง ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวตึงมากเกินไป ดังนั้นวิธีแก้จึงอยู่ในสาเหตุอยู่แล้ว คือต้องวอร์มร่างกาย โดยเฉพาะส่วนขาก่อนเริ่มวิ่ง นอกจากจะไม่บาดเจ็บง่ายแล้วยังทำให้วิ่งได้คล่องตัวมากขึ้นอีกด้วย
5. จุกท้อง
การจุกท้องเกิดได้จากหลายๆสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นกินอาหารมื้อหนักๆแล้วรีบไปวิ่งทันที หายใจผิดจังหวะ วิ่งหลังงอ หรือกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ซึ่งวิธีการแก้ไขก็คือถ้าจะทานอาหารก่อนวิ่งจริงๆก็ควรเป็นอาหารที่เบาๆท้อง ย่อยง่าย และควรทิ้งเวลาสัก 2 ชั่วโมง นอกจากนั้นให้วิ่งหลังตรง อกผาย ไหล่ผึ่ง และหมั่นฟิตร่างกายนอกเวลาวิ่ง เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง
6. เจ็บหน้าแข้ง
สาเหตุสำคัญคือการก้าวเท้าวิ่งยาวมากเกินไป รวมถึงไม่วอร์มร่างกายก่อนวิ่งด้วย ดังนั้นถ้าไม่อยากเจ็บหน้าแข้ง เวลาวิ่งไม่ควรก้าวเท้าให้ยาวเกินเข่าของตัวเอง และควรกายบริการก่อนวิ่งด้วยการเน้นเคลื่อนไหวขาด้วย
7. เจ็บเข่าด้านหน้า
การวิ่งที่ผิดท่า เช่นเอาส้นเท้าลง กระแทกเท้าแรงเกินไป ฝึกวิ่งเกินกำลังตัวเอง หรืองอเข่ามากเกินไป จะทำให้เจ็บเข่าด้านหน้าได้ง่าย ดังนั้นจึงควรฝึกแต่พอประมาณ ไม่ทำอะไรที่เกินพิกัดของตัวเอง ลงเท้าให้นุ่มนวล อย่างอเข่ามากเกินไป และไม่ก้าวเท้ายาวเกินไป นอกจากนี้ยังไม่ควรวิ่งในทางที่คดเคี้ยว หรือสูงชันเกินไปด้วย
การวิ่งถ้าทำด้วยความระมัดระวัง ก็จะเป็นทั้งเรื่องสนุกและดีต่อสุขภาพด้วย แต่ถ้าขาดความระมัดระวังและความรู้ความเข้าใจ ก็จะทำให้เกิดการบาดเจ็บขึ้นได้ ดังนั้นอย่าลืมเตรียมดูแลตัวเองให้พร้อมก่อนจะลงไปวิ่งจริง