7 ข้อควรรู้สำหรับคนเริ่มวิ่งจ็อกกิ้งอย่างถูกวิธี
การวิ่งจ็อกกิ้งนั้นเป็นการออกกำลังกายที่ดี เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย สามารถทำได้แทบทุกที่ แต่สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ เพิ่งจะหัดวิ่งจ็อกกิ้ง หรือยังวิ่งได้ไม่นาน ก็ต้องมาเก็บเกี่ยวเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆสักหน่อย เพื่อที่จะได้มีแรงบันดาลใจในการวิ่ง วิ่งได้อย่างถูกวิธี และวิ่งแล้วเกิดผลดีต่อร่างกายและจิตใจจริงๆ
วันนี้เราจึงได้รวบรวมสาระน่ารู้เกี่ยวกับการวิ่งจ็อกกิ้งมาฝากกัน 7 ข้อ เชื่อว่าต้องเป็นประโยชน์กับการฝึกของทุกคนไม่มากก็น้อย
1. เชื่อหรือไม่ว่าการวิ่งจ็อกกิ้งสามารถบำรุงสุขภาพทางจิตได้?
คุณอาจจะคิดว่าไม่เกี่ยวกัน แต่นี่คือเรื่องจริง! แถมเป็นสิ่งที่เห็นผลเร็วที่สุดด้วย โดยเมื่อได้วิ่งจ็อกกิ้งแล้วคุณจะรู้สึกดีกับตัวเอง กะปรี้กะเปร่า มีความสุข นั่นเป็นเพราะว่าระหว่างวิ่งจ็อกกิ้ง ร่างกายคุณจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา จึงสามารถผ่อนคลายความเครียดได้ ดังนั้นถ้าคุณคิดจะเริ่มวิ่งจ็อกกิ้งแล้วละก็ บอกได้เลยว่าคุณคิดไม่ผิดอย่างแน่นอน หมั่นวิ่งสม่ำเสมอ วันไหนที่เศร้า เซ็ง เหงา อย่าเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเงียบๆคนเดียว ลองออกมาวิ่งจ็อกกิ้งดู เรียนรู้เทคนิคและข้อปฏิบัติต่างๆไปพร้อมๆกันด้วย คุณจะรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน
2. ควรใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าสำหรับวิ่งโดยเฉพาะ
ถึงแม้ว่าจ็อกกิ้งจะเป็นแค่การวิ่งเหยาะๆ ไม่ได้ลงฝีเท้าหนักๆเหมือนการวิ่งปรกติ แต่รองเท้าที่ใส่วิ่งก็จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของคุณ โดยถ้าได้รองเท้าที่พื้นไม่ดี ใส่แล้วไม่รับกับรูปเท้า หรือรองเท้าที่ไม่ทะมัดทะแมง ก็อาจเกิดอุบัติเหตุสะดุดอะไรสักอย่างหกล้มขณะวิ่ง หรือไม่ก็วิ่งไม่ถนัด วิ่งแล้วปวดเท้าก็เป็นได้ ดังนั้นขอแนะนำให้คุณใส่รองเท้าผ้าใบที่พื้นนิ่มๆและไม่บางจนเกินไป หรือให้ดีที่สุดคือเป็นรองเท้าสำหรับวิ่งโดยเฉพาะไปเลย
3. อย่าวิ่งหลังงอ ให้วิ่งหลังตรง ยืดออกอย่างสง่าผ่าเผย
เป็นอีกสิ่งที่มือใหม่หัดวิ่งจ็อกกิ้งควรต้องรู้ไว้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คืออย่าวิ่งตัวงอ ต้องวิ่งหลังตรงๆ อกผาย ไหล่ผึ่งเข้าไว้ เพราะนอกจากจะเป็นการปรับบุคลิกที่ดีแล้ว ยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บขณะวิ่งได้อีกด้วย
4. หัวใจสำคัญของการวิ่งจ็อกกิ้ง คือต้องวิ่งแล้วมีความสุข และวิ่งในระยะที่เหมาะสม
จริงอยู่ที่การวิ่งจ็อกกิ้งนั้นสามารถผ่อนคลายความเครียดให้กับคุณได้ ตามที่ได้บอกไปแล้วในข้อ 1. แต่ถ้าคุณรู้ตัวว่ามีความเครียดสูงมากเกินไป หรือคือที่ไม่ใช่แค่การรู้สึกเหงาๆหรือเซ็งๆธรรมดา ก็ไม่ควรฝืนออกไปวิ่ง เพราะการวิ่งด้วยอารมณ์ติดลบจะทำให้คุณไม่ตั้งใจวิ่งเท่าที่ควร อาจไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบข้าง ไม่สนใจเทคนิคปฏิบัติระหว่างวิ่ง จึงสามารถเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่าย
และนอกจากนี้ ในการวิ่งจ็อกกิ้ง คุณไม่จำเป็นต้องวิ่งแบบบ้าระห่ำไกลหลายกิโลมากก็ได้ถ้าหากเพิ่งเริ่มวิ่ง เพราะจะเป็นการทรมานร่างกายเกินไป แต่คุณควรตั้งเป้าวิ่งเฉพาะเท่าที่คิดว่าตัวเองไหว ไม่ต้องไปตามคนอื่น อย่าเทียบว่าคนอื่นวิ่งได้ไกลคุณก็ต้องทำให้ได้ด้วย เพราะสมรรถภาพร่างกายคนเราไม่เหมือนกัน คุณสนใจวิ่งเฉพาะในส่วนของคุณ วิ่งตามระยะที่ตั้งเป้าไว้ แล้วหยุดพักเป็นช่วงๆ และหมั่นทำสม่ำเสมอ ก็จะวิ่งแล้วดีต่อสุขภาพแน่นอน
5. ควรหายใจอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ควรหายใจเร็วเกินไป
การหายใจก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญ ใครที่เพิ่งเริ่มจ็อกกิ้งใหม่ๆอาจจะไม่รู้ ว่าถ้าหายใจเร็วเกินไป ร่างกายคุณจะคายคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาไม่หมด ทำให้เหนื่อย ดังนั้นใจเย็นๆ พยายามหายใจช้าๆ เป็นธรรมชาติ
6. จ็อกกิ้งโดยไม่วอร์มก่อน เสี่ยงบาดเจ็บ
คุณอาจจะคิดว่าจ็อกกิ้งเป็นแค่การออกกำลังกายแบบเบาๆ ไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมาย วอร์มไปก็เสียเวลา แต่นั้นเป็นความคิดที่ผิดยิ่งกว่าผิด! เพราะถึงแม้ว่าจะใช้แรงน้อย แต่ถ้าวิ่งไปนานๆก็จะมีค่าเท่ากับใช้แรงเยอะ และถ้าหากร่างกายไม่ผ่านการวอร์มก่อนมาลงวิ่ง จะทำให้กล้ามเนื้อปรับตัวไม่ทัน เสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ ดังนั้นใช้เวลาสัก 5-10 นาทีก่อนวิ่ง กายบริหารแบบง่ายๆสักหน่อย เช่นเดินช้าๆ กระโดดตบมือ หมุนเข่า เป็นต้น
7. จ็อกกิ้งต้องทำควบคู่ไปกับการคุมอาหาร ถึงจะได้ผล
ถ้าเหตุผลในการหันมาเริ่มวิ่งจ็อกกิ้งของคุณคือการลดน้ำหนัก บอกเลยว่าคุณต้องควบคุมอาหารควบคู่กันไปด้วย ไม่อย่างนั้นระบบเผาผลาญก็จะไม่มีความสมดุลย์ กินเข้าไปเยอะ แต่วิ่งเบิร์นออกมาน้อยกว่า ก็ไม่สามารถปรับรูปร่างให้สมส่วนได้
รู้หลักคร่าวๆง่ายๆเพียงเท่านี้ ก็เริ่มต้นฝึกวิ่งจ็อกกิ้งได้เลย ขยันฝึกบ่อยๆจนเป็นนิสัย รับรองว่าสุขภาพดีขึ้นแน่นอน